ข่าวเศรษฐกิจ June 30, 2025 13:10 น.

ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) เปิดเผยรายงานประเมินภาวะเศรษฐกิจโลกครั้งล่าสุดในวันอาทิตย์ (29 มิ.ย.) ว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์นั้น มีความเสี่ยงที่จะทำให้ระบบการเงินโลกเผชิญกับความไม่สอดคล้องกันในระดับที่ลึกขึ้น
ออกัสติน คาร์สเตนส์ ผู้บริหาร BIS กล่าวว่า สงครามการค้าที่เกิดขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากสหรัฐฯ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายอื่น ๆ กำลังบ่อนทำลายระเบียบเศรษฐกิจที่เคยมั่นคงมาอย่างยาวนาน พร้อมกับกล่าวว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญในการเข้าสู่ “ยุคใหม่ของความไม่แน่นอนและการคาดเดาไม่ได้ที่เพิ่มขึ้น” ซึ่งกำลังทดสอบความไว้วางใจที่สาธารณชนมีต่อสถาบันต่าง ๆ รวมถึงธนาคารกลาง
คาร์สเตนส์กล่าวว่า การกีดกันทางการค้าและการแบ่งแยกทางการค้าที่เพิ่มขึ้นถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจและผลิตภาพที่ชะลอตัวลงมานานหลายทศวรรษ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจโลกมีความยืดหยุ่นต่อภาวะถดถอยน้อยลง โดยปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประชากรสูงอายุ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ล้วนแล้วแต่มีส่วนทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ผันผวนมากขึ้น
รายงานของ BIS ฉบับนี้ได้รับการเผยแพร่ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 9 ก.ค. และหลังจากที่สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกเผชิญกับความวุ่นวายอย่างรุนแรงต่อเนื่องยาวนานถึงหกเดือน
รายงานประจำปีของ BIS ถือเป็นมาตรวัดสำคัญที่สะท้อนถึงความคิดของธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ เนื่องจากเป็นรายงานจากที่ประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางทั่วโลกซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะเดียวกัน BIS ก็ถูกมองว่าเป็นธนาคารกลางของธนาคารกลางทั่วโลก
ขอขอบคุณข่าวจาก >>> สำนักข่าวอินโฟเควสท์
แนวโน้มตลาดลงทุน : หากสงครามการค้ายืดเยื้อและฉุดเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ยุคแห่ง "ความไม่แน่นอนระยะยาว" — ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะ เข้าสู่ขาขึ้นในระยะยาว ด้วยเหตุผลดังนี้:
🔍 ปัจจัยหลักที่หนุนราคาทองในระยะยาว
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง
นักลงทุนมักมอง "ทองคำ" เป็น สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) เมื่อความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น ความตึงเครียดด้านการค้า, ภัยภูมิรัฐศาสตร์, และการเสื่อมถอยของระบบเศรษฐกิจโลก
อัตราดอกเบี้ยแท้จริง (Real Interest Rate) ต่ำ
หากเศรษฐกิจอ่อนแอ ธนาคารกลางจะมีแนวโน้ม ลดดอกเบี้ย หรือ ผ่อนคลายการเงิน (QE) ซึ่งทำให้ต้นทุนการถือทองคำ (ซึ่งไม่มีดอกเบี้ย) ต่ำลง → หนุนราคาทอง
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
สงครามการค้าอาจกดดันดอลลาร์ในระยะยาว ซึ่งส่งผลให้ราคาทอง (ที่ตั้งราคาเป็น USD) ปรับตัวสูงขึ้น
ความต้องการทองคำจากธนาคารกลาง
หลายประเทศโดยเฉพาะจีน, รัสเซีย มีแนวโน้ม สะสมทองคำแทนเงินดอลลาร์ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากระบบการเงินโลก
🔹 ปี 2025: ราคาทะลุมากกว่า $3,000+ → จุดสูงสุดใหม่
ความไม่แน่นอนระลอกใหม่จาก สงครามการค้า, ภูมิรัฐศาสตร์, และระบบเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง
ราคาทองคำเคลื่อนไหวในช่วง $3,100 – $3,500 ต่อออนซ์ กลายเป็นระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์
มีแนวโน้มสูงว่าอาจทะยานต่อไปสู่ $3,500+ หรือแม้แต่ $4,000 หากมีการลดดอกเบี้ยจริง และ/หรือเกิดวิกฤตเศรษฐกิจถัดไป
(เป็นการคาดการณ์ส่วนตัว การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุน)
#แนวโน้มราคาทองคำ #COMEX #สงครามการค้า #ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ #Passive_income #คู่มือเทรดForex #คู่มือเรียนรู้ฟอเร็กซ์ #แนะนำโบรกเกอร์รางวัลระดับโลก #ForexLearning #ข่าวฟอเร็กซ์ #ForexNews #ให้เงินทำงานแทนเรา #เทรดทอง #เทรดสกุลเงิน #เทรดหุ้นสหรัฐ #SP500 #เทรดน้ำมัน #เทรดหุ้นทั่วโลก #Forex_Technical_Analysis
แนะนำโบรกเกอร์รางวัลระดับโลกมากมาย สเปรดต่ำสุด ถอนเงินรวดเร็ว คลิ๊กเลย...!!! 😉✌️☯️
ให้เราหาบ้านให้คุณ SC ASSET