top of page

คุยไปเรื่อย..FOREX Cafe

Public·80 members

โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความกังวลกรณี Netflix เตรียมเข้าซื้อกิจการ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส หวั่นผูกขาดตลาด

โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความกังวลกรณี Netflix เตรียมเข้าซื้อกิจการ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส หวั่นผูกขาดตลาด

  • เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2025 Netflix ประกาศตกลงซื้อกิจการ “ธุรกิจสตูดิโอ + สตรีมมิง + คลังคอนเทนต์” ของ Warner Bros. Discovery ในดีลมูลค่าราว 72,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท) เพื่อยกระดับ Netflix จากผู้ให้บริการสตรีมมิงไปเป็น “ผู้ผลิต–ผู้แจกจ่ายคอนเทนต์ครบวงจร” แบบ vertically-integrated

  • ถ้าดีลดังกล่าวผ่านอนุมัติ: Netflix จะได้สิทธิ์ในสตูดิโอดัง, แฟรนไชส์ใหญ่, คลังภาพยนตร์ของ Warner Bros, รวมถึงบริการสตรีมมิง/ทีวีของ HBO และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง — ทำให้ Netflix แข็งแกร่งขึ้นมากในวงการบันเทิง global


🧑‍⚖️ ทำไม “ทรัมป์” ถึงออกโรงเอง

  • ทรัมป์ออกมาบอกว่า เขา “จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการพิจารณา” ดีลดังกล่าวด้วยตัวเอง เพราะมองว่า “ส่วนแบ่งตลาดของ Netflix ตอนนี้ก็ใหญ่มากแล้ว” และถ้ารวมกับ Warner Bros จะยิ่งเพิ่มพลังมากขึ้น — อาจ “กลายเป็นปัญหา” เรื่องการผูกขาด (monopoly / antitrust)


  • แม้ทรัมป์จะยอมรับว่าเพิ่งพบกับ ซีอีโอร่วมของ Netflix (Ted Sarandos) และพูดถึงจุดแข็งของบริษัท — เขายังย้ำว่า ดีลนี้ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะจากหน่วยงานด้านการแข่งขัน (antitrust regulators) เช่น United States Department of Justice (DOJ) และอาจรวมถึงหน่วยงานในยุโรปกับหลายประเทศที่เกี่ยวข้องด้วย


  • จุดที่ทรัมป์และนักการเมืองหลายคนกังวล: “ส่วนแบ่งตลาดรวม” — ถ้า Netflix + Warner ครองตลาดสตรีมมิง-คอนเทนต์มากเกินไป ก็อาจไม่มีการแข่งขันจริง ผู้บริโภคเสียเปรียบ (ราคาแพงขึ้น ตัวเลือกน้อย) และอาจทรงอิทธิพลต่อวัฒนธรรม & สื่อโดยเบ็ดเสร็จ


⚠️ ผลกระทบที่อาจเกิด — ต่อสื่อ / อุตสาหกรรม

ข้อที่ถูกหยิบยกมาจากฝ่ายที่คัดค้านดีล:

  • นักการเมืองและกลุ่มอุตสาหกรรมเตือนว่า ดีลนี้อาจเป็น “ฝันร้ายของการผูกขาด (anti-monopoly nightmare)” — ทำให้แพลตฟอร์มเดียวควบคุมคอนเทนต์ใหญ่เกินไป ผู้บริโภคอาจเจอค่าสมัครแพงขึ้น ตัวเลือกน้อยลง และโอกาสสำหรับสตูดิโอเล็ก/independent ลดลง

  • กลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์ — รวมถึงโรงภาพยนตร์, union ต่าง ๆ ในฮอลลีวูด — วิตกว่า การควบรวมอำนาจภายในบริษัทเดียวอาจทำให้ “ปล่อยหนังน้อยลง” หรือเน้นสตรีมมิงมากขึ้น ลดโอกาสฉายในโรง ลดงานสำหรับคนในวงการ และลดความหลากหลายของคอนเทนต์

  • ในทางกลับกัน ฝั่ง Netflix โต้ว่า ดีลนี้จะ “ช่วยผู้บริโภค” — เพราะสามารถผลิตคอนเทนต์ได้เอง ลด cost ภายนอก และอาจเพิ่มความยืดหยุ่น มีคอนเทนต์ใหม่ ๆ มากขึ้น แทนที่จะพึ่งผู้ผลิตภายนอกอย่างเดียว


📈 ผลต่อ “ตลาดหุ้น / การลงทุน”

  • หุ้นของบริษัทในข้อตกลง — ตามรายงาน — ได้รับผลตอบสนองทันที: หลังประกาศดีล หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องมีความผันผวน เพราะนักลงทุนเริ่มประเมินความเสี่ยงเรื่องอนุมัติและ antitrust scrutiny


  • ถ้าดีลผ่าน — Netflix จะได้ “คลังคอนเทนต์ + สตูดิโอ + สตรีมมิง” — ทำให้มีโอกาสสร้างรายได้และควบคุมต้นทุนได้มากขึ้น (economies of scale, vertically integrated model) → ซึ่งอาจแปลเป็นศักยภาพในการเติบโตของกำไร และมูลค่าหุ้นที่ปรับตัวขึ้นในระยะยาว


  • แต่ความเสี่ยงด้าน “regulatory / antitrust” ก็ชัด — ถ้าหน่วยงานกำกับตัดสินไม่ให้อนุมัติ หรือ impose เงื่อนไข/ข้อจำกัด (เช่น ขายทรัพย์สินบางส่วน) — หุ้นอาจรับผลกระทบหนัก เพราะดีลอาจล้ม หรือถูกถอดส่วนที่มีมูลค่าสูงออกจากแพ็กเกจ


✅ สรุป — แล้ว “คุ้มไหม / น่ากังวลไหม”

  • ดีลนี้อาจเป็น “จุดเปลี่ยน” สำคัญของวงการสื่อโลก — ทำให้ Netflix กลายเป็นเจ้าของคอนเทนต์รายใหญ่จริง ๆ แบบครบวงจร (จากผู้แจกจ่าย → เป็นผู้ผลิต + แจกจ่าย)

  • แต่ขณะเดียวกัน ก็มีความเสี่ยงทางกฎหมายและการเมืองสูง — โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และเสียงวิจารณ์จากทั้งนักการเมือง, ผู้สร้าง, และกลุ่มแรงงาน … ถ้าอนุมัติแบบ “ชะลอ/มีเงื่อนไข” ก็อาจลดข้อได้เปรียบของ Netflix ลงได้


⚠️ ความเสี่ยง & ข้อกังวล

• สำหรับ Netflix — ภาระหนี้ &แรงกดดันด้านกฎหมายสูง

  • ดีลนี้ Netflix ต้องรับภาระการเงินหนัก — ไม่เพียงซื้อทรัพย์สินของ WBD แต่ยังต้องแบกรับ “หนี้สุทธิ (net debt)” ของ WBD ด้วย

  • ถ้าบริหารไม่ดี — ต้นทุนสูง, คอนเทนต์เยอะเกินไป, หรือ demand ไม่โตตาม — กำไรอาจถูกกด รายได้/ผู้ใช้ (subscriber) อาจไม่โตทันต้นทุน → ทำให้มูลค่าหุ้น “แย่ลง” แทน

  • บทวิเคราะห์บางรายคาดว่า ถ้าดีลจบแย่ หุ้น Netflix อาจ “ทรุด” ภายในปี 2030 — สรุป: upside มี ถ้าทำได้ดี; downside มีถ้าบริหารไม่ดี


• ด้านกฎหมาย / การควบคุมการผูกขาด (antitrust)

  • ดีลขนาดนี้ถูกคาดว่าจะเจอ “การตรวจสอบเข้ม” จากหน่วยงานกำกับทั้งในสหรัฐฯ และในหลายประเทศ — ถ้าไม่ผ่าน อาจถูกตัดทรัพย์สินบางส่วน, ถูก impose เงื่อนไข, หรือโดนปฏิเสธ outright → ทำให้ดีลล้ม, หรือ Netflix ได้ไม่ครบ assets ที่หวังไว้

  • ถ้าดีลติดปัญหา/ถูกปรับหรือ impose เงื่อนไข อาจสร้างความไม่แน่นอนสูง → หุ้นของทั้ง Netflix และ WBD (หรือบริษัทในอุตสาหกรรมที่คล้ายกัน) อาจผันผวนจากความเสี่ยงด้านกฎหมาย


• สำหรับอุตสาหกรรมโดยรวม — ความเป็นธรรมในการแข่งขัน & ความหลากหลายของคอนเทนต์อาจลดลง

  • ถ้าบริษัทใหญ่ควบรวมมากเกินไป บริษัทขนาดเล็ก / อิสระ อาจยากที่จะแข่งขัน — ทำให้ “ความหลากหลาย” ของคอนเทนต์ในตลาดน่าจะลดลง (เน้น mass-appeal, blockbusters, franchised content)

  • สำหรับนักลงทุน: ถ้าอุตสาหกรรมดูดซับการรวมกิจการมาก — ตลาดอาจกลายเป็น “few big players dominate” → มีโอกาสผันผวนตาม success/failure ของไม่กี่บริษัทใหญ่


#Netflix #WarnerBros #Passive_income #คู่มือเทรดForex #คู่มือเรียนรู้ฟอเร็กซ์ #แนะนำโบรกเกอร์รางวัลระดับโลก #ForexLearning #ข่าวฟอเร็กซ์ #ForexNews #ให้เงินทำงานแทนเรา #เทรดทอง #เทรดสกุลเงิน #เทรดหุ้นสหรัฐ #NASDAQ #เทรดน้ำมัน #เทรดหุ้นทั่วโลก #Forex_Technical_Analysis


แนะนำโบรกเกอร์รางวัลระดับโลกมากมาย สเปรดต่ำสุด ถอนเงินรวดเร็ว คลิ๊กเลย...!!! 😉✌️☯️

iux เทรดด้วยเงื่อนไขที่ดีกว่าที่เคย, แนะนำโบรกเกอร์รางวัลระดับโลกมากมาย สเปรดต่ำสุด ถอนเงินรวดเร็ว คลิ๊กเลย...!!! 

Simple Life with broker IUX


2 Views
bottom of page